วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
บทความดีๆ อย่าถามหาเหตุผล… ของความรัก
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะตั้งคำถามกับคนรักว่า ทำไมเธอถึงรักฉัน หรือ เธอรักฉันที่ตรงไหน
ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกัน เธอเพียรถามคนรักของเธอว่า “ทำไมเธอถึงรักฉัน”คนรักของเธอบอกว่า “ตอบไม่ได้ ” เธอจึงถามว่า ทำไมตอบไม่ได้ คนรักของเพื่อนของเธอยังตอบได้เลยว่ารักเพื่อนของเธอเพราะเหตุผลอะไร ที่ตอบไม่ได้เพราะไม่รักเธอจริงใช่ไหม
คนรักของเธอจึงตอบไปว่า เขาหาเหตุผลไม่ได้ เธอเสียใจและต่อว่าเขาไปว่าไม่ได้รักเธอจริง ชายคนรักจึงตอบไปว่า ที่เขารักเธอ เพราะเธอมีหน้าตาที่สวยงาม ที่เขารักเธอ เพราะเธอมีเสียงที่ไพเราะ ที่เขารักเธอ เพราะเธอมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนรอบข้าง และเขารักเธอ ที่ทุกๆ movement ของเธอ ฝ่ายหญิงก็สบายใจที่ทราบเหตุผลและยุติการคุยเรื่องนี้ไป
ต่อมา ฝ่ายหญิงเกิดอุบัติเหตุขึ้น บนโต๊ะหัวเตียงของเธอมีจดหมายฉบับหนึ่งวางไว้ เธอเปิดอ่านดู
ในจดหมายมีใจความว่า
“สุดที่รักของผม คุณเคยถามผมว่าผมรักคุณเพราะอะไร ผมตอบคุณว่า ที่ผมรักคุณเพราะคุณมีหน้าตาที่สวยงาม แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ผมคงรักคุณต่อไปไม่ได้
ที่ผมรักคุณ เพราะคุณมีเสียงที่ไพเราะ แต่ตอนนี้คุณไม่สามารถจะเอ่ยเอื้อนเสียงที่ไพเราะเช่นเดิมได้
ผมคงรักคุณต่อไปไม่ได้
ที่ผมรักคุณ เพราะคุณมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนรอบข้าง แต่ตอนนี้คุณไม่สามารถจะแสดงน้ำใจต่อใครได้อีก ผมคงรักคุณต่อไปไม่ได้
และที่ผมรักคุณ เพราะทุกๆ movement ของคุณ ก็คงไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะคุณไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ และผมคงไม่รักคุณ นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คุณรับรู้มาตลอด
สิ่งที่คุณเพียรถามเกี่ยวกับเหตุผลในความรักของผม ถ้าเหตุผลทั้งหมดนั้น หมายถึงความรัก ตอนนี้ผมจึงไม่รักคุณแล้ว……..แต่ความรักไม่ต้องการเหตุผล เหตุผลทั้งหมดไม่ใช่ความรัก
ผมรักคุณที่ทั้งหมดของความเป็นคุณ รักที่หัวใจและความคิดของคุณ อย่าเพียรพยายามถามเหตุผลของความรักของผมอีกเลย เพราะผมรักคุณด้วยทั้งหมดของหัวใจของผม”
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เรื่องน่ารู้ วิธีบอกรัก แบบเงียบๆ ในแบบของผู้ชาย
1. คุณจับได้ว่าเขาจ้องมองตาคุณอยู่ --> การมองที่บอกว่า “ผมรักคุณ” นั้นมีอยู่สองแบบ แบบแรก คือ การแอบ มองคุณโดยที่คุณ
ไม่รู้ตัว (เพราะฉะนั้นแอบจับเขาให้ได้ล่ะ) แบบที่สอง คือ จ้องมองคุณอย่างแน่วแน่ในระหว่างที่พูดคุยกัน
2. เขาตุนของโปรดของคุณไว้ในตู้เย็นหรือในครัวที่บ้านเขา --> เขาเริ่มพูดถึงอนาคต ยิ่งถ้าเขาถามความเห็นของคุณด้วย นั่นย่อม
หมายถึง สัมพันธภาพของคุณและเขายังไปด้วยกันได้อีกยาวแน่ๆ
3. เขาใส่เสื้อผ้าที่คุณซื้อให้ตลอดเวลา
4. เขาชอบยืนเบียดไหล่กับคุณ
5. ยอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขา --> การที่เค้ายอมยกสิทธิส่วนตัวอย่างเดียวที่เหลืออยู่นั้นให้คุณ แสดงว่าเค้ารักคุณแล้วจริงๆ
วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552
ความรัก : คำทำนาย ทำนายว่า คุณจะได้แฟนอายุเท่าไหร่
1. เธออยากเปรี๊ยวด้วย วิธีไหน?
ก. คอนแท็กเลนส์สี ต่างๆ ไปข้อ 3 ข. แว่นกันแดด ขนาดใหญ่ ไปข้อ 5
ก. มากกว่า 5 ชิ้น ไปข้อ6 ข. 2-3 ชิ้น ไปข้อ11
ก. เท่ ดี ไปข้อ9 ข. ไม่เห็นสวยเลย ไป ข้อ7
ก. ต่างหู ไป ข้อ 2 ข. แหวน ไป ข้อ8
5. เธอจะเน้นแต่งสวยตรง ไหนมากกว่ากัน?
ก. ดวงตา-การใช้ อายชาโดว์ ไปข้อ 7 ข. ริมฝีปาก- สีของลิปสติก ไปข้อ4
6. เธออยากลองทำอะไร เป็นอย่างแรก?
ก. เจาะหู ไป ข้อ10 ข. สวมสร้อยข้อเท้า ไป ข้อ11
7 .เข็มกลัดติดเสื้อของ เธอ..
ก. ใช้บ่อยๆ ไป ข้อ2 ข. แทบไม่เคยใช้เลย ไป ข้อ9
8. ถ้าเธอสวมสร้อยข้อ มือหรือกำไล เธอจะสวมใส่ลักษณะใด?
ก. ใส่ทีละหลายๆเส้น ไป ข้อ 12 ข. เลือกแบบเรีบย และใส่ แค่เส้นเดียว ไปข้อ13
9. ถ้าเธอทาทั้งเล็บมือ และเท้า เธอจะเลือกสีอย่างไร?
ก. เลือกสีเดียวกัน ไปข้อ2 ข. อยากทาคนละสี ไปข้อ6
10. เธอชอบต่างหูแบบ ไหน?
ก. แบบติดหู ไป ข้อ 11 ข. แบบตุ้งติ้ง ไป แบบ A
11. ถ้าให้เธอเลือกสวม แหวนเพียงวงเดียวนิ้วกลางมือขวา เธอจะเลือกสวม..?
ก. แหวนหัวลายดอกไม้ แบบแฟชั่น ไปแบบ A ข. แหวนทองแบบเรียบๆ ไปแบบ C
12. ถ้าให้เธอใช้ผ้าพัน คอแต่งเป็นจุดเด่นของเธอ เธอจะ..?
ก. เลือกผืนใหญ่ๆ และคลุมไหล่ ไว้ ไปแบบ B ข. เลือกผืนเล็ก แล้วผูกไว้ที่ปกเสื้อ ไปแบบ D
13. เธอชอบแบบไหน ระหว่าง..?
ก. สร้อยคอเส้นโตๆ แบบเปรี๊ยว ไปข้อ 12 ข. สร้อยคอ ห้อยจี้เส้นเล็กๆ น่ารัก ไปแบบ D
แบบ A เค้าอายุมากกว่า เธอมากคนขี้ อ้อน ต้องการการดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลาอย่าง เธอ เหมาะที่จะเลือกผู้ชายที่มีวุฒิภาวะและอายุมากกว่าเธอ มากๆ อย่างน้อย 5 ปี ซึ่งจะ ทำให้เธออุ่นใจได้
โดยที่หนุ่ม วัยเดียวกับเธอ คงยากที่ให้ได้ ช่องว่างระหว่างวัยที่ห่างกันมากอย่างนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ถ้าหากเธอนิยาม ว่า ความรักคือ ศรัทธา และเค้าก็เป็นผู้ใหญ่ที่ ตามใจเด็กงอแงอย่างเธอ เธอจะติด ใจจนไม่อยากมีแฟนเด็กอิกเลยล่ะ
แบบ B เขาอายุมากกว่า เธอ 3-5 ปี อย่างเธอนี่ ถ้าเป็น ผู้ชายอายุเท่ากันๆ เธอจะรู้สึก ว่า เค้าเด็ก จัง แต่ถ้าอายุห่างกันมากไปก็จะเกิดช่องว่างระหว่างวัย อีก
ซึ่งถ้าเค้าโตกว่า เธอซัก 3- 4 ปี คงกำลังดี เธอกับเค้าจึงสามารถเป็นได้ทั้งแฟนและพี่ น้องที่เข้าใจกันได้ ไม่ใช้น้าหลานที่คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะ อายุห่างกันเกินไป
แบบ C เขาอายุไล่เลี่ย กัน เธอชอบที่จะคบกับเพศตรงข้าม แบบเพื่อนมากกว่า จะได้คุยกัน ได้ในทุกๆเรื่อง ความคิด อ่าน คล้ายคลึง กัน คบกันแบบไม่ต้องมีพิธี รีตรองมาก
เธอจึงควรเลือก หนุ่ม ที่ อายุรุ่นราวคราวเดียว กันเพราะเธอต้องการแฟนที่ให้ ความเป็นเพื่อนสูง ต้องการการ พูดคุยและสิทธิที่เสมอภาคกัน แฟนที่อายุเท่าๆกัน จึงเป็นคำตอบสุดท้ายของเธอ
แบบ D เขา เด็กกว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มี สัณชาตญาณ ความเป็นแม่สูง ชอบดูแลเป็นธุระให้ใครๆ แม้แต่แฟน เธอจะมีความสุขมากเมื่อได้คอยเอาใจใส่และ ทำอะไรๆให้กับแฟนซึ่งจะให้เหมาะ ก็ควรเลือกแฟนที่เป็นเหมือนน้องชายไป ด้วย
ซึ่งก็ต้องอายุ น้อยกว่าเธอ นั่นเอง ก็ต้องยอมรับว่าเธอ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆ ที่สามารถทำให้รุ่นน้องหลงใหลได้ปลื้ม จนใครๆต้องอิจฉาเธอเปรียบได้ กับคู่รักฮอลลีวูดอย่าง เดมี่ มัวร์ กับ แอชตัน คุชเช่อร์ รักต่างวัย 10 ปี ที่ดูดดื่มจนสาวๆอิจฉา ตาลุก เป็นไฟ เพราะสาวแก่ งาบไก่อ่อนสุดหล่อไปทานสบาย ปาก
วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552
การที่เราจะรักใครสักคน.-------
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลว่าทำไมเราจึงไปรักเขาได้
แต่ให้รู้ไว้ว่าทุกวันนี้เรารักเขาและต้องรักให้ดีที่สุดก็พอ
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องสนว่าหนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน
แต่ควรนึกขอบคุณโชคชะตาที่สร้างให้มีอุปสรรค เพื่อให้เราทั้งสองได้ร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องไปเสียเวลาคิดว่าเขาทำอะไรเพื่อเราบ้าง
แต่ให้มานั่งถามตัวเองดูว่า วันนี้เราทำอะไรเพื่อคนที่เรารักแล้วหรือยัง
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องไปมัวระแวงว่าเขาจะไปมีใครอื่นนอกเหนือจากเรา
แต่ควรระวังใจของตัวเองให้เข้มแข็งพอที่จะไม่รับใครเข้ามาในใจอีก
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องไปขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของเขา
ว่าเขาเคยมีใครยังไง แต่ให้คิดไว้ว่าทุกวันนี้มีเขาและเราอยู่ด้วยกัน...อดีต..ถึงอย่างไรก็คืออดีต
->การที่เราจะรักใครสักคน...เมื่อทะเลาะกัน คำว่าแพ้หรือชนะ ก็ไม่สำคัญ
เราจึงยอมให้เขาเป็นฝ่ายชนะเสมอ ถ้าทำให้เขาสบายใจ
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ควรพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเขา
แต่ควรพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับเขาจะดีกว่า
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ควรหูเบา เพราะอาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนที่เรารักได้
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ใช่การสัมผัสกันด้วยร่างกาย แต่เป็นการสัมผัสกันด้วยหัวใจต่างหาก
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่จำเป็นต้องบอกรักกันทุกวัน
เพราะการที่เราคอยห่วงใยกันอยู่เสมอๆ ก็สามารถทดแทนคำว่ารักได้ดี แม้สักล้านคำ
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่เกี่ยวกับสิ่งของนอกกายใดๆเลย
เพราะความรักไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน หรือแลกมาได้ด้วยทรัพย์สิน
->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องคอยนับว่าเขามีข้อเสียมากมายสักกี่ข้อ
เพราะข้อดีของเขาก็มีมากพอที่จะทำให้เราลืมข้อเสียทั้งหมดของเขาได้
->การที่เราจะรักใครสักคน....ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา
แค่เรามีเขาอยู่ในใจทุกนาทีก็พอ
->การที่เราจะรักใครสักคน...เมื่อเห็นเขาเสียใจ ไม่ต้องรอจนกระทั่งเขาเสียน้ำตา แล้วค่อยเข้าไปปลอบใจ
แต่ควรรีบเข้าไปแบ่งเบาความทุกข์ของเขาเสียตั้งแต่เมื่อเราเห็นเขาเงียบๆซึมๆไป
เพราะหากเราปล่อยเขาไว้จนสายเกิน ผลสุดท้ายแล้วคนที่จะเสียใจที่สุดเมื่อรู้ตัวก็คือตัวเราเอง
->การที่เราจะรักใครสักคน...อย่ารอที่จะบอกรัก ให้รีบบอกคนที่เรารักซะ
ก่อนที่จะไม่มีเขาคนนั้นให้บอกอีกต่อไป
->การที่เราจะรักใครสักคน...แม้ว่าอาจทำให้เราตาบอด
แต่ก็ทำให้เราได้รับรู้และเข้าใจ ว่าความสุขจากการที่ได้รักใครสักคน มันมีมากมายแค่ไหน
->การที่เราจะรักใครสักคน...จงเชื่อมั่นในตัวเขาให้มากๆ
->การที่เราจะรักใครสักคน...ง่ายยิ่งกว่าการพยายามลบเขาออกไปจากหัวใจ
...ความรัก สอนให้เราได้เรียนรู้หลายๆสิ่ง
ความรักเป็นบทเรียนดีๆ ที่ไม่อาจเข้าใจได้ถ่องแท้ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง
ความรัก ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำให้เราเข้าใจอะไรๆมากขึ้น
ความรัก ทำให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ
นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ ....จากการที่เราได้....รัก....ใครสักคน...
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เรื่องเล่าสอนใจ รองเท้ากับความรัก
…………………………………………………………
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ความรัก : สูตรรักษาความสัมพันธ์ของคนมีรัก
หนึ่ง จริงใจ พูดอะไร จำให้มั่น
สอง เงินทอง ของแสลง ต้องแบ่งปัน
สาม ให้เกียรติ ยกย่องกัน ฉันและเธอ
สี่ รักกัน เตือนกันได้ ต้องไม่ถือ
ห้า นั่นคือ อภัยบ้าง หากพลั้งเผลอ คิดถึงแต่ส่วนดีที่หาเจอ
หก สม่ำเสมอ ยุติธรรม ไม่ลำเอียง
เจ็ด ยอมรับ กันและกัน ประสานจิต ใครทำผิด อีก ฝ่ายว่า ก็อย่าเถียง
แปด ห่างกัน โทรไต่ถาม ฟังสำเนียง
เก้า อย่าเลี่ยง ทำหน้าที่ นี่สูตรเอย .....อิอิ.....
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ความรักของคนธรรมดา : “ยาวิเศษของลูก”
คืนหนึ่งเขาฝันไปว่ามีซินแส ชราที่อยู่ในกระท่อมเล็กๆ บนภูเขาสูงสามารถช่วยแม่เขาได้ ….ชายหนุ่มผู้กำพร้าบิดา จากบ้านไปศึกษาหาความรู้ยังต่างเมืองหลายปี เมื่อ สำเร็จ การศึกษากลับมาก็พบว่า มารดากำลังป่วยหนัก ด้วยโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ คนรับใช้รายงานว่านางกินไม่ได้ นอนไม่หลับจนซูบซีดผ่ายผอมลงทุกวัน
“ลูกสัญญาจะเสาะหายาดีๆ มารักษาแม่ให้ได้ แม้ต้องลำบากอย่างไรก็ยอม” เขาบอกมารดาด้วยใจกตัญญู สั่งคนรับใช้ให้ดูแลนาง แล้วรีบเร่งเดินทางไปหาซื้อยา จากบรรดาหมอที่มีชื่อเสียง เขารีบนำยากลับมา สั่งคนรับใช้ปรุงให้มารดาดื่มกิน แต่อาการ ของหญิงชราก็ไม่ดีขึ้น เขาจึงเร่งรีบเดินทางไปเสาะหายาอีกครั้ง แต่ละครั้งที่ได้ยาตัวใหม่ เขาจะรีบกลับมา ให้คนรับใช้ต้มและป้อนนาง ส่วนตนเอง หมกมุ่นอยู่กับการทำงานหนัก เพื่อจะได้มีเงินมากๆ ไว้ซื้อยาราคาแพง และอาหารชั้นเลิศ ที่เชื่อว่าจะช่วยให้มารดาหายป่วย แต่ดูเหมือนว่ายาใดๆ ก็ไม่ได้ผล ชายหนุ่มทุกข์ใจยิ่งนัก
เมื่อชายหนุ่มตื่นขึ้นเขาทบทวนความฝันและลองดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา น่าประหลาดที่เขาได้พบกับซินแสตามที่ไ้ด้ฝันจริงๆ ชายหนุ่มจึงเล่าเืรื่องที่มารดาเจ็บป่วยให้ซินแสฟัง และขอให้ช่วยเหลือ
"เจ้าเป็นลูกกตัญญูจริงข้าจะมอบยาวิเศษขนานหนึ่งให้" ซินแสกล่าวพร้อมยื่นห่อยาให้ พร้อมกับสั่งว่า "เจ้าต้องต้มยานี้และต้องป้อนมารดาด้วยตัวเอง ต้องดูแลให้นางกินอาหารและยาจนหมดครบทุกมื้อ และเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดี เจ้าต้องสัมผัสบีบนวดร่างกายของแม่ทุกวัน ห้ามให้คนอื่นทำแทน และยานี้กระจายได้ดีในที่โล่ง ดังนั้นเจ้าต้องพาแม่ออกมาเดินเล่นนอกบ้านบ่อยๆ และก่อนนอนเจ้าจะต้องกล่าวคาถาข้างหูแม่ของเจ้าทุกคืนเพื่อให้แม่ของเจ้าหลับสนิท"
"คาถาอะไรหรือ"ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
"มีแค่สามคำ 'ลูกรักแม่' แค่นี้เจ้าจะทำได้หรือไม่" ชายหนุ่มรับปากว่าจะปฏิบัติตามที่ซินแสบอกทุกอย่าง จากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ทำตามคำสั่ง อย่างเคร่งครัด เพียงสัปดาห์แรก เขาพบว่ามารดามีสีหน้าแจ่มใส ทานอาหารได้มากขึ้น
นางพูดกับลูกชายว่า "แม่ดีใจที่ได้อยู่กับลูก"
"ยานี้เป็นยาวิเศษจริงๆ" ชายหนุ่มคิด้วยความตื่นเต้นยินดียิ่งนัก ทำให้เขามีกำลังใจ ปรนนิบัติมารดามากยิิ่่งขึ้น เพียงไม่กี่เดือน นางก็แข็งแรงจนเป็นปกติ
ชายหนุ่มจึงรีบขึ้นภูเขาไปขอบคุณซินแส "เพราะยาวิเศษของท่านแท้ๆที่ช่วยรักษาแม่ของข้า"
"ยานั่นเป็นแค่สมุนไพรบำรุงร่างกายธรรมดาๆ แต่ยาิวิเศษที่แท้จริง คือความรัก ความเอาใจใส่ที่ลูกมีให้แม่ต่างหาก" ซินแสบอก
โรคทางกายพอจะรักษาให้หายด้วยยาได้ แต่โรคทางใจนั้นจะต้องใช้ใจรักษา และไม่มียาใดๆรักษาโรคทางใจของแม่ได้ดีเท่ากับยาวิเศษจากหัวใจรักของลูก
ข้อมูลจาก Forword mail
ภาพจาก Internet
วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552
8 วิธีมัดใจ คนพิเศษของคุณ
มา เติมความรักของคุณให้ชุ่มชื่นหัวใจด้วยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่บางครั้งเราก็หลงลืมไปบ้าง เพราะใกล้ชิดกันมากเกินไป ลองปฏิบัติให้ได้ตามนี้ แล้วจะมัดใจคู่รักของคุณได้อยู่หมัดตลอดไป
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
กฎ 10 ข้อ ของการเป็นกิ๊ก (กิ๊กนะไม่ใช่แฟน)
1.ห้ามหึงหวงแต่ห่วงกันได้ (ก้อชั้นไม่ได้รักแกนี่)
2.มีอะไรกันได้แต่ไม่ใช่ของกันและกัน (ก็ชั้นมีตัวจริงอยู่แล้วนี่หว่า)
3.ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องมากเกินเหตุ (ก็แกไม่ใช่แฟนชั้นนี่หว่า กะแฟนยังเรียกร้องไม่ได้เลย)
4.กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ห้ามเศร้า (จะไปเศร้าทำไมวะ ก็รู้แต่แรกแล้วว่าเค้ามีแฟนแล้ว)
5.ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน (ก็ยังอยากได้ไว้เป็นของส่วนตัวอ่ะน่า)
6.ถ้ากิ๊กคิดจะไปมีแฟน เป็นตัวตนโดยไม่ใช่เรา ห้ามฟูมฟาย แต่ต้องพยายามยอมรับ และยินดีด้วย แล้วค่อยตกลงกันอีกทีว่า จะยังกิ๊กกันต่อรึเปล่า (ก็เรารักคนนั้นนิ)
7.ไม่จำเป็นต้อง take care กันเกินเหตุเพราะเป็นแค่กิ๊ก (เออเด่ะ)
8.กิ๊กมีได้ไม่จำกัดจำนวนเป็น infinity ไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานภาพ (ถ้าไม่กลัวตายเพราะเอดส์ แถมยังต้องปีนต้นงิ้วอีกก็เอา)
9.กิ๊กสำคัญรองจากแฟน (ก็ไม่ใช่แฟนนี่หว่า)
10.กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊กต้องเจียมตัว (เฮ้อ…….. )
คำเตือน คิดให้ดีก่อนมีกิ๊กนะ
วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
บทความน่ารักๆ แม่ไม่คิดเงิน (ลูกๆควรอ่าน)
เจ้าเด็กชายตัวน้อยของเราเข้าไปหาแม่และส่งกระดาษให้ หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนเล้วแม่ก็ก้มลงอ่าน
ค่าตัดหญ้า 5 บาท, ค่าทำความสะอาดห้องผม 1บาท, ค่าไปซื้อของให้แม่ 2.5 บาท, ค่าดูแลน้อง 2.5 บาท, ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1 บาท, ค่าได้คะแนนดี 5 บาท, ค่ากวาดสนาม 2 บาท, รวมยอดค้างชำระ 19 บาท
เธอผู้เป็นแม่หยิบปากกาพลิกด้านหลังกระดาษแล้วเขียนว่า
- เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง แม่ไม่คิดเงิน
- เวลาแม่พยาบาลลูกและสวดมนต์ให้ลูก แม่ไม่คิดเงิน
- ค่าที่ลูกทำให้แม่เสียน้ำตา แม่ไม่คิดเงิน
- ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า พาไปเที่ยว แม่ไม่คิดเงิน
- แม้แต่เช้ดน้ำมูกให้ แม่ไม่คิดเงินหรอกจ๊ะลูก
เมื่อรวมราคาทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก ไม่คิดเงินเหมือนกัน
เมื่อลูกชายของเราอ่านสิ่งที่แม่เขียน น้ำตาหยดโต ก็ไหลออกมา เขาสบตาแม่และพูดว่าแม่ครับ ผมรักแม่จริง ๆ นะครับ แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนตัวโต ๆ ว่า จ่ายหมดแล้ว แม่จ่ายหมดแล้ว แต่ลูกยังทอนไม่หมด
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สิ่งมหัศจรรย์ เกี่ยวกับความรัก 6 แบบ
ความรักทำให้คุณเป็น หรือคิดแบบนี้รึเปล่า
1.ผู้ชายรักง่ายกว่าผู้หญิง : เรามีแนวโน้มจะคิดว่าผู้หญิงรีบร้อนที่จะมีรัก แต่ความจริงผู้ชายเป็นอย่างนั้นมากกว่า “สมองผู้ชายติดตั้งสัญญาณเกี่ยวกับการมองเห็นมากกว่า” ดังนั้น เมื่อหนุ่มเห็นสาวที่ทำให้เครื่องเขาติด ก็จะมีแรงไปกระตุ้นสมอ งส่วนพิเศษที่มีเฉพาะในเพศชาย
2.คนที่ใช่ ไม่ได้มีเพียงคนเดียว : ถ้าคุณคิดว่าคุณทำคู่แท้หลุดมือไปแล้วล่ะก็ อย่าเสียใจไปเลย โลกนี้เต็มไปด้วย ผู้ชายที่มีแนวโน้มจะเป็นคนที่ใช่เยอะแยะ “เหตุผลที่ผู้หญิงมากมายทุกข์ใจ จากการเดท ก็เพราะพวกเธอเชื่อว่า โลกนี้มีผู้ชาย แค่คนเดียวที่ถูกสร้างมาเพื่อเธอ”
3.อยู่ห่างๆ กันบ้างก็ดี : ในขณะที่คุณกำลังคลั่งรักหัวปักหัวปำ สิ่งที่คุณอยากทำก็คือเอาอกเอาใจเขา และอยากเกาะติดเขาแจได้ทั้งวันทั้งคืน “การอยู่ห่างกันทำให้สารเคมีแห่งความรัก อย่างโดพามีนและนอเรฟฟินเนฟฟิลในสมองเพิ่มผลผลิต”
4.รักแรกพบมีจริง : มันเป็นไปได้ ที่เราจะรักใครซักคน ที่เพิ่งเจอแค่แป๊ปเดียว “ทางชีวภาพสัตว์ต้องหาคู่ให้ได้ ก่อนฤดูผสมพันธุ์สิ้นสุด ก็เลยต้องถูกตาต้องใจกันอย่างเร็ว” ในเมื่อสมองเราก็ส่งสารแบบนั้น เราก็เลยสามารถตอบโต้ ตัวกระตุ้นอย่างความชอบ ภาษากายและความเข้ากันได้อย่างรวด เร็ว
5.ความรักไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ : ความรักกระตุ้น สมองส่วนที่สัมพันธ์กับการจดจ่อไปที่แรงจูงใจ และแรงผลักดัน ซึ่งตรงข้ามกับสมองส่วนความรู้สึก เช่นความสุขหรือความเศร้า ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า ทำไมเราถึงว้าวุ่นใจเป็นพิเศษ สำหรับคนที่ทำให้ชีพจรเราเต้นรัว
6.ความรักเป็นสิ่งเสพติด: เมื่อเราดูรูปคนรักเก่า ส่วนของสมองที่เกี่ยวข้อง กับการเสพติดแอคทีฟเป็นพิเศษเลย โดพามีนถูกหลั่งออกมา แล้วเราก็รู้สึกเคลิบเคลิ้ม จิตใจหวั่นไหวล่องลอยอย่างแรง เหมือนใช้ยาเสพติดเลย นั่นคือสาเหตุที่เราโหยหาหวานใจเราไง
ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยากจะหนีพ้น :)
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เรื่องสั้น ความรักที่แม่มีต่อลูก
สมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชรา จึงไม่รู้ว่าจะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทน …ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรม …ระหว่างทาง แม่ไม่วอนขอ… ไม่ถาม… ไม่ว่าอะไร…
ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทาง เรื่อยไป เข้าป่าลึก
ไกลมากแล้ว…..ลูกชายวางแม่ลงบนโขดหิน แล้วหันหลังเดินกลับทางเดิมไป …
… ตอนนี้เอง ที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่า …
“ลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะ จะได้ไม่หลงทาง…”
อ่านแล้วน่าสงสารนะคะ ความรักของแม่แม้จะรู้ว่าลูกจะนำตัวเองไปปล่อย กลับไม่กลัว แต่กลัวลูก จะหาทางกลับบ้านไม่เจอ อย่าทิ้งแม่นะคะแม่เป็นผู้มีพระคุณที่สุด ใกล้จะวันแม่แล้วอย่าลืมหา ดอกมะลิหอมๆ แถมกลอนเพราะๆ ไปกราบท่านนะคะ
วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
อาการ + วิธีบำบัดรักษา โรคงอน (เรื่องน่ารู้)
ผู้ป่วยมีอาการ “หน้างอ” บางรายที่อาการหนัก . . . จะมีอาการหน้าดำ แทรกซ้อนด้วย หูแข็งฟังอะไร ขัดหูขัดใจไปหมด ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยพองาม (. . .จริงอ่ะ) ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน ว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อย โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น ผู้ป่วยที่อาการหนัก . . . อาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น . . . ควรสังเกตอาการผู้ป่วย ว่างอนอยู่ในระดับไหน ถ้างอนน้อย ๆ ให้รีบง้อ วิธีการรักษา . . . ผู้พบเห็นทั่วไป ควรเอาใจใส่ ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้
สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก ผู้ง้อ ควรได้รับการฝึกสอน และเป็นผู้ชำนาญการง้อเป็นพิเศษ เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ . . . เปราะบางแตกหักง่ายเอาใจใส่เป็นพิเศษ
หลังได้รับการรักษา . . . ผู้ป่วยที่หายแล้ว ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความเข้าใจ หากความรักและความเข้าใจลดน้อยลงเมื่อไหร่ . . . อาการงอนจะกำเริบ
หมายเหตุ . . . พบมากในกลุ่มคนที่มีความสวย และความน่ารัก สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารัก . . . จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า “น่าเบื่อ”
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
10 วิธีทำให้คนอื่นชอบคุณ
1. จำชื่อเขาให้ได้
ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่าคุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคนอย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูกนะคะ
2. รู้จักทักทาย
การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทายรู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำชื่อคนให้ได้ไปทำไมกันคะ ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน?
3. วางตัวสบายๆ ได้หรือเปล่า
จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียดเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณโปรดเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้
4. มีนิสัยง่ายๆ
นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่ ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสาใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไรคะ เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากันนี่ละ ดีที่สุด
5. อย่าอวดตัวเอง
จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใครอยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่องเขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ (คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า
6. จงมีนิสัยร่าเริง
เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ "ติด" ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย
7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด
คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสาการกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิดหรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ
8. ทิ้งมันไป...นิสัยเสียๆ
บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้ เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่นตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม
9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง
น่าประหลาด... คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา ฯลฯ พึงท่องคาถาประจำใจเอาไว้ให้ตลอดเภิดว่า "ข้าพเจ้าไม่เคยพบกับบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกชอบเลย"
10. ชมเชยให้เป็น
อย่าละทิ้งโอกาสที่จะกล่าวคำชมเชย เมื่อใครคนใดคนหนึ่งใกล้ๆ ตัวคุณ ได้กระทำในสิ่งที่ดี เป็นแบบอยางต่อผู้อื่น หรือทำอะไรได้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องรู้จักแสดงความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ในความทุกข์ร้อนและความผิดหวังของพวกเขาด้วย พูดง่ายๆ ได้ว่า หัดเป็นคนมีหัวใจซะบ้าง!
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
+++วิธีดูว่าผู้ชาย(ขี้อาย)แอบชอบคุณอยู๋หรือป่าว(สำหรับผุ้หญิง)+++
วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
13 อาการตกหลุมรัก
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552
รักจริงหรือรักหลอก
วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552
กลอนรักน่ารักๆ
จะDown load ความรักไปให้เธอ
จะEnter ความหวังดีมามอบให้
จะจับเม้าส์คลิกย้ำความห่วงใย
จะรวมไว้ในแผ่น Disk ส่งให้เธอ
ชอบนะ ถ้าเธอเป็นเหมือนที่ผ่านมา
ชอบนะ เวลาเธอส่งสายตามาให้ฉัน
ชอบนะ ถ้าเธอยังคอยแคร์และผูกพัน
ชอบนะ ถ้าเธอไม่เอาฉันไปเปรียบกับใคร
รักนะ ที่เธอเป็นเธออยู่อย่างนี้
รักนะ ถ้าความรู้สึกดีๆเธอยังมีให้
รักนะ และคำๆนี้ยังมีตลอดไป
รักนะ ถ้าเธอยังมีหัวใจให้กัน
หวงนะ เวลาที่เธอพูดถึงเขา
หวงนะ เวลาที่ไม่ใช้เราเข้าไปใกล้
หวงนะ ถ้าเธอคิดจะเผื่อใจไปให้ใคร
หวงนะ และจะไม่ให้ใครมาใกล้เธอ
ชอบนะ เมื่อเธอส่งยิ้มมาให้ฉัน
ชอบนะ ที่เธอรำพันว่ารักเสมอ
ชอบนะ ที่เธอบอกว่าฉันคือคนในใจเธอ
ชอบนะ ที่เธอดีต่อกันตลอดมา
รักนะ ที่เธอเป็นแบบนี้
รักนะ ที่เธอทำให้ฉันไม่อ่อนล้า
รักนะ ที่เธออยู่ข้างๆกันเสมอมา
รักนะ ที่เราบอกกันเรื่อยมา ฉันและเธอ
หวงนะ เมื่อใครๆก็ยิ้มให้เธอ
หวงนะ เมื่อเธอยิ้มไปให้เขา
หวงนะ เมื่อเธอเดินกับใครนอกจากฉันที่ใช้คำว่าเรา
หวงนะ ถ้าเธอจะไปกับเขาหรือใครๆ
ความรักก็เหมือนดั่งฝน...ถ้าเรากลัวไม่กล้าที่จะตากฝนเราก้อไม่สามารถรู้ได้ว่าความชุ่มช่ำของฝนนั้นเป็นยังไง ก้อเช่นกันอีกถ้าเราตากฝนมากจนเกินไปเราก้ออาจไม่สบายและเจ็บป่วยได้ เปรียบเหมือนกับความรัก...ถ้าเรากลัวไม่กล้าที่จะรักเราก้อจะไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง แต่ถ้าหากว่าเรารักมากเกินไปก้อจะทำให้เจ็บช้ำและมีน้ำตาได้ รักได้แต่อย่าไปยึดติดกับมันมากจนลืมเหตุและผล หรือลืมรักตัวเอง ...........................
ที่มา : http://lovesitoday.igetweb.com/index.php?mo=3&art=265788
สิ่งที่จะทำให้รักอยู่ไปนานๆ
ยอมรับความแตกต่าง หากอีกฝ่ายคิดไม่เหมือนกัน
ยอมรับความเปลี่ยนแปลง หากความรักไม่เหมือนเดิม ให้ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน
ไม่ควรทำแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ หรือสิ่งที่ตนคิดว่าดีให้คนอื่นเพียงอย่างเดียว