วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บทความดีๆ อย่าถามหาเหตุผล… ของความรัก





ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะตั้งคำถามกับคนรักว่า ทำไมเธอถึงรักฉัน หรือ เธอรักฉันที่ตรงไหน
ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกัน เธอเพียรถามคนรักของเธอว่า “ทำไมเธอถึงรักฉัน”คนรักของเธอบอกว่า “ตอบไม่ได้ ” เธอจึงถามว่า ทำไมตอบไม่ได้ คนรักของเพื่อนของเธอยังตอบได้เลยว่ารักเพื่อนของเธอเพราะเหตุผลอะไร ที่ตอบไม่ได้เพราะไม่รักเธอจริงใช่ไหม
คนรักของเธอจึงตอบไปว่า เขาหาเหตุผลไม่ได้ เธอเสียใจและต่อว่าเขาไปว่าไม่ได้รักเธอจริง ชายคนรักจึงตอบไปว่า ที่เขารักเธอ เพราะเธอมีหน้าตาที่สวยงาม ที่เขารักเธอ เพราะเธอมีเสียงที่ไพเราะ ที่เขารักเธอ เพราะเธอมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนรอบข้าง และเขารักเธอ ที่ทุกๆ movement ของเธอ ฝ่ายหญิงก็สบายใจที่ทราบเหตุผลและยุติการคุยเรื่องนี้ไป

ต่อมา ฝ่ายหญิงเกิดอุบัติเหตุขึ้น บนโต๊ะหัวเตียงของเธอมีจดหมายฉบับหนึ่งวางไว้ เธอเปิดอ่านดู
ในจดหมายมีใจความว่า
“สุดที่รักของผม คุณเคยถามผมว่าผมรักคุณเพราะอะไร ผมตอบคุณว่า ที่ผมรักคุณเพราะคุณมีหน้าตาที่สวยงาม แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ผมคงรักคุณต่อไปไม่ได้
ที่ผมรักคุณ เพราะคุณมีเสียงที่ไพเราะ แต่ตอนนี้คุณไม่สามารถจะเอ่ยเอื้อนเสียงที่ไพเราะเช่นเดิมได้
ผมคงรักคุณต่อไปไม่ได้
ที่ผมรักคุณ เพราะคุณมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนรอบข้าง แต่ตอนนี้คุณไม่สามารถจะแสดงน้ำใจต่อใครได้อีก ผมคงรักคุณต่อไปไม่ได้
และที่ผมรักคุณ เพราะทุกๆ movement ของคุณ ก็คงไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะคุณไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ และผมคงไม่รักคุณ นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คุณรับรู้มาตลอด

สิ่งที่คุณเพียรถามเกี่ยวกับเหตุผลในความรักของผม ถ้าเหตุผลทั้งหมดนั้น หมายถึงความรัก ตอนนี้ผมจึงไม่รักคุณแล้ว……..แต่ความรักไม่ต้องการเหตุผล เหตุผลทั้งหมดไม่ใช่ความรัก
ผมรักคุณที่ทั้งหมดของความเป็นคุณ รักที่หัวใจและความคิดของคุณ อย่าเพียรพยายามถามเหตุผลของความรักของผมอีกเลย เพราะผมรักคุณด้วยทั้งหมดของหัวใจของผม”

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เรื่องน่ารู้ วิธีบอกรัก แบบเงียบๆ ในแบบของผู้ชาย





1. คุณจับได้ว่าเขาจ้องมองตาคุณอยู่ --> การมองที่บอกว่า “ผมรักคุณ” นั้นมีอยู่สองแบบ แบบแรก คือ การแอบ มองคุณโดยที่คุณ

ไม่รู้ตัว (เพราะฉะนั้นแอบจับเขาให้ได้ล่ะ) แบบที่สอง คือ จ้องมองคุณอย่างแน่วแน่ในระหว่างที่พูดคุยกัน


2. เขาตุนของโปรดของคุณไว้ในตู้เย็นหรือในครัวที่บ้านเขา --> เขาเริ่มพูดถึงอนาคต ยิ่งถ้าเขาถามความเห็นของคุณด้วย นั่นย่อม

หมายถึง สัมพันธภาพของคุณและเขายังไปด้วยกันได้อีกยาวแน่ๆ



3. เขาใส่เสื้อผ้าที่คุณซื้อให้ตลอดเวลา


4. เขาชอบยืนเบียดไหล่กับคุณ


5. ยอมให้คุณรับโทรศัพท์ของเขา --> การที่เค้ายอมยกสิทธิส่วนตัวอย่างเดียวที่เหลืออยู่นั้นให้คุณ แสดงว่าเค้ารักคุณแล้วจริงๆ

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

ความรัก : คำทำนาย ทำนายว่า คุณจะได้แฟนอายุเท่าไหร่








แบบทดสอบนี้จะช่วยให้คุณทราบว่า คุณจะได้แฟนอายุเท่าไร เป็นคนอย่างไรจะเข้ากันได้หรือไม่ มาทดสอบกันดีกว่าค่ะ




1. เธออยากเปรี๊ยวด้วย วิธีไหน?
ก. คอนแท็กเลนส์สี ต่างๆ ไปข้อ 3 ข. แว่นกันแดด ขนาดใหญ่ ไปข้อ 5


2. เครื่องประดับที่เธอ มีอยู่ ประมาณกี่ชิ้น?
ก. มากกว่า 5 ชิ้น ไปข้อ6 ข. 2-3 ชิ้น ไปข้อ11


3. เธอคิดอย่างไรกับ ผู้หญิงที่เพ้นท์เล็บ?
ก. เท่ ดี ไปข้อ9 ข. ไม่เห็นสวยเลย ไป ข้อ7


4. ของที่เธออยากได้จาก เค้า มากที่สุด?
ก. ต่างหู ไป ข้อ 2 ข. แหวน ไป ข้อ8



5. เธอจะเน้นแต่งสวยตรง ไหนมากกว่ากัน?
ก. ดวงตา-การใช้ อายชาโดว์ ไปข้อ 7 ข. ริมฝีปาก- สีของลิปสติก ไปข้อ4



6. เธออยากลองทำอะไร เป็นอย่างแรก?
ก. เจาะหู ไป ข้อ10 ข. สวมสร้อยข้อเท้า ไป ข้อ11



7 .เข็มกลัดติดเสื้อของ เธอ..
ก. ใช้บ่อยๆ ไป ข้อ2 ข. แทบไม่เคยใช้เลย ไป ข้อ9



8. ถ้าเธอสวมสร้อยข้อ มือหรือกำไล เธอจะสวมใส่ลักษณะใด?
ก. ใส่ทีละหลายๆเส้น ไป ข้อ 12 ข. เลือกแบบเรีบย และใส่ แค่เส้นเดียว ไปข้อ13



9. ถ้าเธอทาทั้งเล็บมือ และเท้า เธอจะเลือกสีอย่างไร?
ก. เลือกสีเดียวกัน ไปข้อ2 ข. อยากทาคนละสี ไปข้อ6



10. เธอชอบต่างหูแบบ ไหน?
ก. แบบติดหู ไป ข้อ 11 ข. แบบตุ้งติ้ง ไป แบบ A



11. ถ้าให้เธอเลือกสวม แหวนเพียงวงเดียวนิ้วกลางมือขวา เธอจะเลือกสวม..?
ก. แหวนหัวลายดอกไม้ แบบแฟชั่น ไปแบบ A ข. แหวนทองแบบเรียบๆ ไปแบบ C



12. ถ้าให้เธอใช้ผ้าพัน คอแต่งเป็นจุดเด่นของเธอ เธอจะ..?
ก. เลือกผืนใหญ่ๆ และคลุมไหล่ ไว้ ไปแบบ B ข. เลือกผืนเล็ก แล้วผูกไว้ที่ปกเสื้อ ไปแบบ D



13. เธอชอบแบบไหน ระหว่าง..?
ก. สร้อยคอเส้นโตๆ แบบเปรี๊ยว ไปข้อ 12 ข. สร้อยคอ ห้อยจี้เส้นเล็กๆ น่ารัก ไปแบบ D



เฉลย..
แบบ A เค้าอายุมากกว่า เธอมากคนขี้ อ้อน ต้องการการดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลาอย่าง เธอ เหมาะที่จะเลือกผู้ชายที่มีวุฒิภาวะและอายุมากกว่าเธอ มากๆ อย่างน้อย 5 ปี ซึ่งจะ ทำให้เธออุ่นใจได้
โดยที่หนุ่ม วัยเดียวกับเธอ คงยากที่ให้ได้ ช่องว่างระหว่างวัยที่ห่างกันมากอย่างนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ถ้าหากเธอนิยาม ว่า ความรักคือ ศรัทธา และเค้าก็เป็นผู้ใหญ่ที่ ตามใจเด็กงอแงอย่างเธอ เธอจะติด ใจจนไม่อยากมีแฟนเด็กอิกเลยล่ะ




แบบ B เขาอายุมากกว่า เธอ 3-5 ปี อย่างเธอนี่ ถ้าเป็น ผู้ชายอายุเท่ากันๆ เธอจะรู้สึก ว่า เค้าเด็ก จัง แต่ถ้าอายุห่างกันมากไปก็จะเกิดช่องว่างระหว่างวัย อีก
ซึ่งถ้าเค้าโตกว่า เธอซัก 3- 4 ปี คงกำลังดี เธอกับเค้าจึงสามารถเป็นได้ทั้งแฟนและพี่ น้องที่เข้าใจกันได้ ไม่ใช้น้าหลานที่คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะ อายุห่างกันเกินไป





แบบ C เขาอายุไล่เลี่ย กัน เธอชอบที่จะคบกับเพศตรงข้าม แบบเพื่อนมากกว่า จะได้คุยกัน ได้ในทุกๆเรื่อง ความคิด อ่าน คล้ายคลึง กัน คบกันแบบไม่ต้องมีพิธี รีตรองมาก
เธอจึงควรเลือก หนุ่ม ที่ อายุรุ่นราวคราวเดียว กันเพราะเธอต้องการแฟนที่ให้ ความเป็นเพื่อนสูง ต้องการการ พูดคุยและสิทธิที่เสมอภาคกัน แฟนที่อายุเท่าๆกัน จึงเป็นคำตอบสุดท้ายของเธอ





แบบ D เขา เด็กกว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มี สัณชาตญาณ ความเป็นแม่สูง ชอบดูแลเป็นธุระให้ใครๆ แม้แต่แฟน เธอจะมีความสุขมากเมื่อได้คอยเอาใจใส่และ ทำอะไรๆให้กับแฟนซึ่งจะให้เหมาะ ก็ควรเลือกแฟนที่เป็นเหมือนน้องชายไป ด้วย
ซึ่งก็ต้องอายุ น้อยกว่าเธอ นั่นเอง ก็ต้องยอมรับว่าเธอ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆ ที่สามารถทำให้รุ่นน้องหลงใหลได้ปลื้ม จนใครๆต้องอิจฉาเธอเปรียบได้ กับคู่รักฮอลลีวูดอย่าง เดมี่ มัวร์ กับ แอชตัน คุชเช่อร์ รักต่างวัย 10 ปี ที่ดูดดื่มจนสาวๆอิจฉา ตาลุก เป็นไฟ เพราะสาวแก่ งาบไก่อ่อนสุดหล่อไปทานสบาย ปาก

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

การที่เราจะรักใครสักคน.-------



->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลว่าทำไมเราจึงไปรักเขาได้
แต่ให้รู้ไว้ว่าทุกวันนี้เรารักเขาและต้องรักให้ดีที่สุดก็พอ

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องสนว่าหนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน
แต่ควรนึกขอบคุณโชคชะตาที่สร้างให้มีอุปสรรค เพื่อให้เราทั้งสองได้ร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องไปเสียเวลาคิดว่าเขาทำอะไรเพื่อเราบ้าง
แต่ให้มานั่งถามตัวเองดูว่า วันนี้เราทำอะไรเพื่อคนที่เรารักแล้วหรือยัง

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องไปมัวระแวงว่าเขาจะไปมีใครอื่นนอกเหนือจากเรา
แต่ควรระวังใจของตัวเองให้เข้มแข็งพอที่จะไม่รับใครเข้ามาในใจอีก

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องไปขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของเขา
ว่าเขาเคยมีใครยังไง แต่ให้คิดไว้ว่าทุกวันนี้มีเขาและเราอยู่ด้วยกัน...อดีต..ถึงอย่างไรก็คืออดีต

->การที่เราจะรักใครสักคน...เมื่อทะเลาะกัน คำว่าแพ้หรือชนะ ก็ไม่สำคัญ
เราจึงยอมให้เขาเป็นฝ่ายชนะเสมอ ถ้าทำให้เขาสบายใจ

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ควรพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเขา
แต่ควรพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับเขาจะดีกว่า

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ควรหูเบา เพราะอาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนที่เรารักได้

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ใช่การสัมผัสกันด้วยร่างกาย แต่เป็นการสัมผัสกันด้วยหัวใจต่างหาก

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่จำเป็นต้องบอกรักกันทุกวัน
เพราะการที่เราคอยห่วงใยกันอยู่เสมอๆ ก็สามารถทดแทนคำว่ารักได้ดี แม้สักล้านคำ

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่เกี่ยวกับสิ่งของนอกกายใดๆเลย
เพราะความรักไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน หรือแลกมาได้ด้วยทรัพย์สิน

->การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่ต้องคอยนับว่าเขามีข้อเสียมากมายสักกี่ข้อ
เพราะข้อดีของเขาก็มีมากพอที่จะทำให้เราลืมข้อเสียทั้งหมดของเขาได้

->การที่เราจะรักใครสักคน....ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา
แค่เรามีเขาอยู่ในใจทุกนาทีก็พอ

->การที่เราจะรักใครสักคน...เมื่อเห็นเขาเสียใจ ไม่ต้องรอจนกระทั่งเขาเสียน้ำตา แล้วค่อยเข้าไปปลอบใจ
แต่ควรรีบเข้าไปแบ่งเบาความทุกข์ของเขาเสียตั้งแต่เมื่อเราเห็นเขาเงียบๆซึมๆไป
เพราะหากเราปล่อยเขาไว้จนสายเกิน ผลสุดท้ายแล้วคนที่จะเสียใจที่สุดเมื่อรู้ตัวก็คือตัวเราเอง

->การที่เราจะรักใครสักคน...อย่ารอที่จะบอกรัก ให้รีบบอกคนที่เรารักซะ
ก่อนที่จะไม่มีเขาคนนั้นให้บอกอีกต่อไป

->การที่เราจะรักใครสักคน...แม้ว่าอาจทำให้เราตาบอด
แต่ก็ทำให้เราได้รับรู้และเข้าใจ ว่าความสุขจากการที่ได้รักใครสักคน มันมีมากมายแค่ไหน

->การที่เราจะรักใครสักคน...จงเชื่อมั่นในตัวเขาให้มากๆ

->การที่เราจะรักใครสักคน...ง่ายยิ่งกว่าการพยายามลบเขาออกไปจากหัวใจ

...ความรัก สอนให้เราได้เรียนรู้หลายๆสิ่ง

ความรักเป็นบทเรียนดีๆ ที่ไม่อาจเข้าใจได้ถ่องแท้ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง

ความรัก ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทำให้เราเข้าใจอะไรๆมากขึ้น

ความรัก ทำให้เราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ

นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ ....จากการที่เราได้....รัก....ใครสักคน...

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรื่องเล่าสอนใจ รองเท้ากับความรัก


รองเท้าแตะมีขายตามร้านทั่วไป เวลาที่เราไปเห็นก็จะนึกสนใจ มีคนเสนอขายให้ราคาถูกๆ ก็ไม่เคยคิดจะซื้อ แต่พอจำเป็นเข้าจริงๆ ก็ต้องไปซื้อมาแก้ขัดก่อนอยู่ดี
……………………………………………………..
รองเท้าบางคู่ใหม่ๆ อาจรู้สึกสบาย แต่ถ้าใส่นานๆ เข้า อาจจะรู้สึกว่ารองเท้า คู่นี้ไม่เหมาะกับเรา อยากจะถอดทิ้งเสียเหลือเกิน
………………………………………………………
รองเท้าบางคู่ลองใส่ที่ร้านแล้วรู้สึกแปลกๆ อาจมีบ้างที่คับไป หรือ หลวมไป แต่ใครจะรู้ บางทีพอใส่ไปซักพัก หนังอาจจะขยายพอดีกับเท้าของเรา จนรู้สึกว่าดีเหลือเกินที่ตอนนั้นตัดสินใจเลือกคู่นี้ ……………………………………………………….
รองเท้าบางคู่ ดูภายนอกอาจตลก แต่รู้มั๊ยว่าบางทีเมื่อมันมาอยู่คู่กับเท้าของเรา อาจจะทำให้ทั้งเท้าของเราและรองเท้าดูดีผิดหูผิดตาไป
……………………………………………………….
ส่วนรองเท้าคู่ไหนที่เห็นคนอื่นใส่แล้วดูดี ก็ไม่แน่เสมอไปว่าเมื่อเราใส่แล้วจะดีเหมือนกับที่คนอื่นใส่ ……………………………………………………………
ใครที่มีรองเท้ามากเกินความจำเป็น เขาเหล่านั้นก็คงจะไม่รู้ว่าคู่ไหนเป็นคู่โปรด ตราบเมื่อเค้าได้เสียรองเท้าคู่นั้นไป ซึ่งมันก็อาจจะสายไปเสียแล้วที่จะทวงคืน
………………………………………………….........
แล้วรองเท้าตามโรงแรมล่ะ รองเท้าสาธารณะเหล่านั้นได้ผ่านเท้า ของผู้คนมามากมาย บางคู่อาจยังใหม่ บางคู่อาจดูโทรม บางคู่อาจจะนำพาโรคมาสู่ผู้ที่ใส่ แต่รองเท้าสาธารณะเหล่านี้ มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ อยากมากจนเรียกว่าแทบจะไม่มีเลย ที่จะมีคนมาขอซื้อ เป็นเจ้าของ นอกเสียจากซื้อไว้ดูเล่น ซึ่งจะไม่มีทางได้สัมผัสความรักระหว่างเจ้าของกับรองเท้า
…………………………………………………………
รองเท้าที่เหมาะกับเรา หาได้ไม่ยาก และไม่ง่ายแต่ถ้าเดินไปแล้วเจอคู่ที่ถูกใจ ควรรีบตัดสินใจซื้อก่อนที่จะถูกคนอื่นมาตัดหน้าไปก่อน ซึ่งรองเท้าคู่นั้น อาจจะเป็นคู่เดียวในโลกที่เหมาะกับเรามากที่สุดก็ได้ …………………………………………………………..
ส่วนรองเท้าบางคู่ที่ไม่เหมาะกับเรา ใส่แล้วไม่รู้สึกสบาย อย่าพยายามใส่ต่อไปอีกเลย มีแต่จะทำให้เราทรมาน และในที่สุดเราก็ต้องโยนมันทิ้งไปอยู่ดี
………………………………………………………….
รองเท้าสมัยใหม่ ดูแล้วเท่ แต่รองเท้าสมัยเก่า ใส่แล้วก็ดูดีไปอีกแบบ จะสมัยไหนก็ช่าง ขอให้ใส่แล้วสบายที่สุด เมื่อเจอแล้วควรใส่อย่างถะนุถนอมจะได้อยู่กับเราไปนานเท่านาน….


วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความรัก : สูตรรักษาความสัมพันธ์ของคนมีรัก


หนึ่ง จริงใจ พูดอะไร จำให้มั่น

สอง เงินทอง ของแสลง ต้องแบ่งปัน

สาม ให้เกียรติ ยกย่องกัน ฉันและเธอ

สี่ รักกัน เตือนกันได้ ต้องไม่ถือ

ห้า นั่นคือ อภัยบ้าง หากพลั้งเผลอ คิดถึงแต่ส่วนดีที่หาเจอ

หก สม่ำเสมอ ยุติธรรม ไม่ลำเอียง

เจ็ด ยอมรับ กันและกัน ประสานจิต ใครทำผิด อีก ฝ่ายว่า ก็อย่าเถียง

แปด ห่างกัน โทรไต่ถาม ฟังสำเนียง

เก้า อย่าเลี่ยง ทำหน้าที่ นี่สูตรเอย .....อิอิ.....



วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความรักของคนธรรมดา : “ยาวิเศษของลูก”

ชายหนุ่มผู้กำพร้าบิดา จากบ้านไปศึกษาหาความรู้ยังต่างเมืองหลายปี เมื่อ สำเร็จ การศึกษากลับมาก็พบว่า มารดากำลังป่วยหนัก ด้วยโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ คนรับใช้รายงานว่านางกินไม่ได้ นอนไม่หลับจนซูบซีดผ่ายผอมลงทุกวัน

“ลูกสัญญาจะเสาะหายาดีๆ มารักษาแม่ให้ได้ แม้ต้องลำบากอย่างไรก็ยอม” เขาบอกมารดาด้วยใจกตัญญู สั่งคนรับใช้ให้ดูแลนาง แล้วรีบเร่งเดินทางไปหาซื้อยา จากบรรดาหมอที่มีชื่อเสียง เขารีบนำยากลับมา สั่งคนรับใช้ปรุงให้มารดาดื่มกิน แต่อาการ ของหญิงชราก็ไม่ดีขึ้น เขาจึงเร่งรีบเดินทางไปเสาะหายาอีกครั้ง แต่ละครั้งที่ได้ยาตัวใหม่ เขาจะรีบกลับมา ให้คนรับใช้ต้มและป้อนนาง ส่วนตนเอง หมกมุ่นอยู่กับการทำงานหนัก เพื่อจะได้มีเงินมากๆ ไว้ซื้อยาราคาแพง และอาหารชั้นเลิศ ที่เชื่อว่าจะช่วยให้มารดาหายป่วย แต่ดูเหมือนว่ายาใดๆ ก็ไม่ได้ผล ชายหนุ่มทุกข์ใจยิ่งนัก

คืนหนึ่งเขาฝันไปว่ามีซินแส ชราที่อยู่ในกระท่อมเล็กๆ บนภูเขาสูงสามารถช่วยแม่เขาได้ ….
เมื่อชายหนุ่มตื่นขึ้นเขาทบทวนความฝันและลองดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา น่าประหลาดที่เขาได้พบกับซินแสตามที่ไ้ด้ฝันจริงๆ ชายหนุ่มจึงเล่าเืรื่องที่มารดาเจ็บป่วยให้ซินแสฟัง และขอให้ช่วยเหลือ

"เจ้าเป็นลูกกตัญญูจริงข้าจะมอบยาวิเศษขนานหนึ่งให้" ซินแสกล่าวพร้อมยื่นห่อยาให้ พร้อมกับสั่งว่า "เจ้าต้องต้มยานี้และต้องป้อนมารดาด้วยตัวเอง ต้องดูแลให้นางกินอาหารและยาจนหมดครบทุกมื้อ และเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดี เจ้าต้องสัมผัสบีบนวดร่างกายของแม่ทุกวัน ห้ามให้คนอื่นทำแทน และยานี้กระจายได้ดีในที่โล่ง ดังนั้นเจ้าต้องพาแม่ออกมาเดินเล่นนอกบ้านบ่อยๆ และก่อนนอนเจ้าจะต้องกล่าวคาถาข้างหูแม่ของเจ้าทุกคืนเพื่อให้แม่ของเจ้าหลับสนิท"

"คาถาอะไรหรือ"ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย

"มีแค่สามคำ 'ลูกรักแม่' แค่นี้เจ้าจะทำได้หรือไม่" ชายหนุ่มรับปากว่าจะปฏิบัติตามที่ซินแสบอกทุกอย่าง จากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ทำตามคำสั่ง อย่างเคร่งครัด เพียงสัปดาห์แรก เขาพบว่ามารดามีสีหน้าแจ่มใส ทานอาหารได้มากขึ้น

นางพูดกับลูกชายว่า "แม่ดีใจที่ได้อยู่กับลูก"

"ยานี้เป็นยาวิเศษจริงๆ" ชายหนุ่มคิด้วยความตื่นเต้นยินดียิ่งนัก ทำให้เขามีกำลังใจ ปรนนิบัติมารดามากยิิ่่งขึ้น เพียงไม่กี่เดือน นางก็แข็งแรงจนเป็นปกติ

ชายหนุ่มจึงรีบขึ้นภูเขาไปขอบคุณซินแส "เพราะยาวิเศษของท่านแท้ๆที่ช่วยรักษาแม่ของข้า"

"ยานั่นเป็นแค่สมุนไพรบำรุงร่างกายธรรมดาๆ แต่ยาิวิเศษที่แท้จริง คือความรัก ความเอาใจใส่ที่ลูกมีให้แม่ต่างหาก" ซินแสบอก

โรคทางกายพอจะรักษาให้หายด้วยยาได้ แต่โรคทางใจนั้นจะต้องใช้ใจรักษา และไม่มียาใดๆรักษาโรคทางใจของแม่ได้ดีเท่ากับยาวิเศษจากหัวใจรักของลูก






ข้อมูลจาก Forword mail
ภาพจาก Internet